ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เห็นข่าวร้ายของวงการเรือหลายข่าวเลย ไม่ว่าจะเป็นเรือไฟไหม้ เรือจม หรือ ล่าสุดเมื่อสองวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ที่อยุธยา ตามข่าวที่ผมเชื่อว่าทุกคนคงได้เห็นแล้ว เห็นข่าวเหล่านี้แล้วต้องขอบอกว่าไม่สบายใจมากๆ
และ ทุกครั้งที่มีข่าวแบบนี้ออกมา
มันย่อมจะมีผลกระทบต่อพวกเราชาวสายน้ำกันทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นทางการที่จะเริ่มเข้มงวดกวดขันเพิ่มขึ้น
รวมถึงกฎระเบียบอื่นๆที่จะตามมาอีกมากมาย
ทีนี้เราลองมาดูถึงต้นเหตุของข่าวร้ายต่างๆที่เกิดขึ้นกันดีกว่าครับว่าเกิดขึ้นเพราะอะไรกันบ้าง
เรื่องแรก คือ เรื่องของเรือที่ไฟไหม้ เรื่องของเรือที่ไฟไหม้ มีทั้งที่เกิดขึ้นเพราะความประมาทของกัปตันเรือ หรือ เด็กเรือเอง และ ก็จากการ
กลั่นแกล้งกันเผื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ เรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางธุรกิจ เราคงไม่สามารถที่จะเข้าไปก้าวล่วงกับเค้าได้เพราะเราไม่รู้ว่า
มีเรื่องราวที่มาที่ไปอย่างไร แต่เรื่องที่เกิดจากความประมาทของกัปกัน และ เด็กเรือ ที่ผมเห็นอยู่เป็นประจำ คือ บางคนเปิดฝาเครื่อง เพื่อที่จะ
ซ่อมเรือ แต่ปากก็คาบบุหรี่ไปด้วย บางคนเติมน้ำมันเรือ แต่ไม่ได้สังเกตุว่ามีน้ำมันรั่วไหลลงไปในน้ำบ้างรึเปล่า พอเติมเสร็จแล้วปิดฝาก็จุดบุหรี่สูบ
โดยที่ไม่ได้มองว่ามีน้ำมันหกอยู่ตรงใหนบ้าง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งของสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟใหม้ นอกจากนั้นที่ช่องหายใจของถังน้ำมัน ถ้าเรือที่บรรทุก
น้ำหนักมากๆ จนลืมสังเกตุช่องหายใจของถังน้ำมันว่าอยู่ตรงใหน บางทีอาจจะมีน้ำมันบางส่วน ที่ซึมออกมาลอยอยู่ที่ผิวน้ำ หรือ บางคนจุดบุหรี่สูบ
แล้วยื่นมือออกไปเขี่ยบุหรี่ที่นอกตัวเรือโดยที่ไม่ได้สังเกตุ หรือ อาจจะไม่รู้ ซึ่งไอน้ำมันกับบุหรี่ใกล้กันเมื่อไหร่ก็อาจจะทำให้เกิดไฟไหม้ได้เช่นกัน
เรื่องที่สอง คือ เรื่องการบรรทุกเกิน ตามที่เราเห็นข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุเรือจม ทั้งหลาย ส่วนใหญ่จะเกิดจากสาเหตุนี้เกือบจะทั้งนั้น ด้วยความที่ต้องการกำไร
มากๆ ไม่อยากที่จะต้องวิ่งเรือหลายรอบ เลยขนคนขึ้นเรือทีเดียวเยอะๆ เพราะที่ยังว่าง แต่ไม่ได้คำนึงถึงน้ำหนักบรรทุกของเรือ ว่าเรือลำนั้นๆสามารถที่จะรองรับ
น้ำหนักได้เท่าไหร่ เพราะคิดแค่ว่ากำลังเครื่องยนต์ที่ติดตั้งไว้เกินกำลังของเรือ สามารถที่จะลากน้ำหนักไปได้สบายๆ จริงอยู่ครับ ว่าเครื่องยนต์หลายๆเครื่องที่
แขวนอยู่ที่ท้ายเรือสามารถที่จะลากน้ำหนักบรรทุก พร้อมเรือไปได้ก็จริง แต่ท้องเรือไม่ได้รับน้ำหนักได้มากขนาดนั้น เมื่อบรรทุกน้ำหนักเกินตัวไปมากๆ เรือยังวิ่งไปได้ก็จริง
แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ฝนตกลงน้ำ หรือ คลื่นลมแรงน้ำสาดเข้าเรือ แล้วปั๊มน้ำเสียขึ้นมาอีก ก็จะยิ่งทำให้ท้องเรือที่รับน้ำหนักจนเกินตัวไปมากอยู่แล้ว
ต้องรับภาระที่หนักขึ้นไปอีก หนักเข้าๆก็จมลงในที่สุด แถมในเรือมีชูชีพไม่พอกับจำนวนผู้โดยสารอีกต่างหาก เลยยิ่งทำให้เหตุการณ์เลวร้ายลงไปอีก
เรื่องที่สาม คือ เรื่องความประมาทของกัปตัน ถ้าเราไปพัทยา สมุย หรือ ภูเก็ต ผมบอกได้เลยว่าเรือที่บริการอยู่แถวนั้นหลายๆลำคนขับ มาจากเด็กเรือ บางคนไม่มีใบนายท้าย
ซะด้วยซ้ำ เรื่องกฎกติกามารยาทไม่ต้องพูดถึง แค่ใจถึงอย่างเดียวก็ออกเรือได้แล้ว เราถึงได้เห็นเรือวิ่งตัดหน้ากันด้วยความคึกคะนองอยู่ไม่น้อย บางคนไม่เคยศึกษาเรื่อง
ร่องน้ำ ว่าร่องน้ำตรงใหนที่วิ่งได้ ตรงใหนมีหินโสโครก หรือ อุปสรรคใต้น้ำอะไรบ้าง สักแต่ขับอย่างเดียว จนทำให้เกิดอุบัติเหตุก็ไม่น้อย
สามเรื่องที่ผมพูดมาเป็นแค่ 3 เรื่องหลักๆที่เห็นอยู่เป็นประจำ ซึ่งแทบจะไม่เคยได้รับการแก้ไข พอเกิดเหตุขึ้นมาที ก็ออกข่าวกันใหญ่โต เหมือนไฟไหม้ฟาง อาทิตย์สองอาทิตย์พอทุกอย่างเงียบ
ก็กลับมาเป็นกันเหมือนเดิมอีก วันนี้เลยถือโอกาส บ่น และ ขอเตือนเพื่อนๆพี่ๆน้องๆร่วมสายน้ำ ว่าการเล่นเรือนั้น เหมือนกับการขับยานพาหนะทุกชนิด คือ ห้ามประมาทโดยเด็ดขาด
ทุกสิ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในเวลาแค่เพียงเสี้ยววินาที ดังนั้นลงเรือทุกครั้งควรที่จะสวมชูชีพ ไว้ตลอดเวลา อย่าคิดแค่เพียงว่าวิ่งแค่นี้เองไม่เป็นไรหรอก เพราะถ้าเกิดเหตุขึ้นมา
เราไม่สามารถที่คว้าชูชีพใส่ได้ทัน หรือ ถ้าหัวเราไปกระแทบกับอะไรจนทำให้เราสลบ อาจจะยิ่งทำให้เหตุการณ์เลวร้ายลงไปอีก
ขอให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ เล่นเรือกันให้สนุก และ ปลอดภัยนะครับ