ถ้าพูดถึงเกาะสีชัง หลายคนคงจะนึกถึงสถานตากอากาศที่มีชื่อเสียงมายาวนาน และ มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อยู่ไม่น้อย เพราะเป็นที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินถึง 3 พระองค์ คือ รัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5 และ รัชกาลที่ 6 ซึ่งปรากฎหลักฐานจากพระนามาภิไธยอยู่หลายแห่งบนเกาะแห่งนี้ เกาะสีชังมีสถานะเป็นอำเภอ อำเภอหนึ่งของจังหวัดชลบุรี อยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัด ห่างจากอำเภอศรีราชา แค่ 12 กิโลเมตร เกาะสีชัง หรือ หมู่เกาะสีชัง มีเกาะบริวารรวม 8 เกาะ คือ เกาะขามใหญ่ เกาะขามน้อย เกาะโปรง เกาะร้านดอกไม้ เกาะสัมปันยื้อ เกาะยายท้าว เกาะค้างคาว เกาะท้ายตาหมื่น ในวันหยุดจะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่เกาะเป็นจำนวนมาก เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เช่น ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ มณฑปรอยพระพุทธบาท ช่องเขาขาด พระจุฑารุชราชฐาน และหาดถ้ำเขาพัง
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกับเกมส์กีฬาตกปลาทะเลแต่มีเวลาน้อย เกาะสีชังก็ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกอันดับต้นๆเลยทีเดียว เพราะอยู่ห่างจากกรุงเทพเพียงชั่วโมงกว่าๆ การเดินทางมาเที่ยวเกาะสีชังนั้นก็แสนจะสะดวกสบาย ถ้ามากับรับประจำทางก็ลงที่ตัวอำเภอศรีราชา (หน้าตึกคอม) และก็นั่งรถสามล้อ หรือ มอเตอร์ไซด์รับจ้างไปที่ท่าเรือเกาะลอย หรือ ถ้าคนที่ขับรถไปเองก็สามารถจะฝากรถไว้ที่จุดรับฝากรถแถวท่าเรือได้เลย
แต่สำหรับชาวเรืออย่างเราๆ จะไปทางรถยนต์ หรือ รถโดยสารประจำทางก็ดูกระไรอยู่ เรามาพูดกันถึงการขับเรือมาเที่ยวกันดีกว่า การขับเรือมาเที่ยวเกาะสีชังนั้นเราสามารถนำเรือลงได้จากหลายที่ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ล่ะบุคคล จะขับมาจากแม่น้ำเจ้าพระยาก็อาจจะไกลสักนิด หรือ จะขับจากแม่น้ำบางปะกงก็น่าสนใจไม่น้อย หรือ ถ้าบางคนไม่อยากที่จะขับเรือไกลๆ ก็สามารถจะเอาเรือลงได้ทั้งที่เกาะลอย หาดวอนนภา หรือแหลมแท่น ส่วนตัวผมเอง ผมนิยมที่จะเอาเรือลงที่ ปากอ่าวแม่น้ำบางปะกง เพราะในหนึ่งวันเราได้ถึงสองบรรยากาศเลยทีเดียว ได้ทั้งบรรยาการศของแม่น้ำ และทะเล เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยทีเดียว
แต่ในการขับเรือออกจากปากแม่น้ำ ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำสายใหนต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ และควรที่จะมี GPS ที่มีแผนที่ร่องน้ำด้วยซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆสำหรับการขับเรือออกจากปากแม่น้ำ เพราะถ้าเราไม่วิ่งในร่องน้ำเราอาจจะวิ่งติดสันดอนที่ปากอ่าว หรือ อาจจะวิ่งฝ่าดงหลักหอย (หลักปูนที่ชาวประมงมาปักเลี้ยงหอย) โดยที่เราไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ตัวก็ติดสันดอน หรือ ชนกับหลักหอยเข้าแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อทั้งเรือ และคนบนเรือได้ สำหรับคนที่ไม่มี GPS ก็ไม่ใช่ว่าจะออกไม่ได้เลย แต่ต้องมีความรู้ในการมองโปะไฟที่ปากอ่าวเพื่อที่จะดูว่าร่องน้ำอยู่ตรงใหน
นอกจากเรื่องของร่องน้ำแล้ว อีกเรื่องที่สำคัญมากๆ ก็คือ พยากรณ์อากาศ และ คลื่นลม ก่อนที่จะออกเรือทุกครั้งเราควรที่จะเช็คสภาพดินฟ้าอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาเสมอ เพราะอย่างน้อยเราจะได้เตรียมตัวได้ว่าวันนี้เราจะเจอกับอะไรบ้าง ถ้าวันที่อากาศดีๆ การขับเรือจากแม่น้ำบางปะกงไปเกาะสีชังนั้นใช้เวลาแค่ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง แต่ถ้าในวันที่คลื่นลมแรง เราอาจจะใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมงเลยก็ได้ ในการขับเรือออกทะเลนั้น เราควรที่จะต้องเตรียมทั้งเรือ และ คนให้พร้อมก่อนการเดินทาง และ ควรที่จะเช็คสภาพของเรือ เครื่องยนต์ และ อุปกรณ์ต่างๆให้พร้อม เพราะถ้าเกิดไปเรือเสีย หรือ น้ำมันหมดกลางทะเลคงหมดสนุกกันแน่ๆ บนถนนเรายังสามารถไปแย่งลิงกินข้าวได้บ้าง แต่สำหรับในทะเลนั้นหาลิงค่อนข้างลำบากเลยไม่ค่อยจะมีข้าวลิงให้กิน จะมองไปทางใหนก็มีแต่น้ำกับฟ้า มองเห็นฝั่งอยู่ลิบๆแต่ก็ไปไม่ถึงสักที ดังนั้นก่อนที่เราจะออกเรือทุกครั้งควรที่จะต้องเช็คสภาพเรือ และ ทุกสิ่งทุกอย่างให้พร้อมจริงๆ และ จำไว้เสมอว่าเหลือดีกว่าขาด
ถ้าเราขับเรือมาจากปากอ่าวแม่น้ำบางปะกงเมื่อออกมาจากแนวร่องน้ำแล้วเราจะวิ่งผ่าน บางทราย เขาสามมุก หาดบางแสน หาดวอนนภา เมื่อมาถึงจุดนี้เราก็จะมองเห็นเกาะสีชังอยู่ข้างหน้าเราแล้วครับ เมื่อเข้าเขตเกาะสีชังแล้วต้องเดินเรือด้วยความระมัดระวังเพราะว่าเป็นเขตที่มีเรือวิ่งกันค่อนข้างเยอะ และ เป็นที่จอดเรือสินค้าขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถเข้าไปที่ท่าเรือคลองเตยได้ ดังนั้นต้องเพิ่งความระมัดระวังในการขับเรือแถวนี้ด้วยนะครับ เมื่อมาถึงเกาะสีชังแล้วมีกิจกรรมให้เราทำกันมากมาย บางคนอาจจะอยากขึ้นไปเดินเที่ยวบนเกาะ บางคนอยากจะไปตกปลา หรือ แม้แต่ดำน้ำดูปะการัง การมาเที่ยวเกาะสีชังแต่ล่ะครั้งก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปเกือบจะทุกครั้ง แต่มีสิ่งนึงที่ไม่เคยแตกต่างเลย คือ มนต์เสน่ห์ความงามที่ธรรมชาติได้สร้างไว้ และ ความยั่วยวนของหาดทรายขาว ๆ น้ำทะเลใส ๆ และ ท้องฟ้าสีคราม ที่ทำให้ต้องกลับมาเยือนเกาะสีชังครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าใครมีเวลาลองหาโอกาสไปเที่ยวดูสักครั้ง แล้วคุณจะรู้ว่าความสุขอยู่ใกล้ตัวเราแค่นี้เอง
