จากการที่เล่นเรือมานานพอสมควร ดูเรือมาก็เยอะมากๆ ศึกษาเรื่องเรือประเภทต่างๆมานานพอสมควร แต่ยิ่งศึกษาก็เหมือนตัวเองยิ่งรู้น้อยยังเรียนไม่ผ่านประถมสักที เพราะเรือมีอะไรให้ศึกษาไม่มีวันจบ ยิ่งเรียนรู้ก็ยิ่งรู้ว่าตัวเองยังไปไม่ถึงไหน เพราะมีของใหม่ๆ เรือประเภทใหม่ๆ ให้ศึกษาตลอด ตลอดช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ต้องบอกว่าวงการเรือของโลกเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากๆ จากที่สมัยก่อนมีแบ่งเรืออยู่แค่ไม่กี่ประเภท ทุกวันนี้เรียกได้ว่า มีเรือสำหรับทุกกิจกรรม และ ทุกลำน้ำแล้ว
ตัวผมเองได้ลองเรือมาหลากหลายประเภทมากๆ แต่ทุกวันนี้กลับมาหลงรักเรือเล็กๆ อยากจะกลับมาเล่นเรือเล็กๆ 11 – 14 ฟุต ขนาดกำลังกระทัดรัด ยิ่งโดยส่วนตัวเป็นคนชอบไปเล่นเรือคนเดียว ขับไปเรื่อยๆ ตรงไหนบรรยากาศดีๆ อากาศดีๆก็หาที่ผูกนั่งเล่นนอนเล่นบนเรือ พอมาดูเรือเล็กๆสมัยนี้ รูปร่างหน้าตามีให้เลือกหลากหลายมากๆ มีตั้งแต่แบบใช้มอเตอร์ไกด์ตัวเดียวก็ไปได้แล้ว หรือ แขวนเครื่องยนต์เล็กๆ คนเดียวหิ้วแขวนได้ก็มีเยอะ แถมอุปกรณ์บนเรือ การออกแบบก็ให้เราสามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น ท้องเรือก็ออกแบบให้มีความเสถียรมากขึ้น ยิ่งทำให้อยากที่จะกลับมาเล่นเรือเล็กๆอีกรอบ
มีคนเคยถามผมว่า เคยเห็นแต่เค้าขยับขึ้นไปเล่นเรือใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เครื่องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆทำไมผมถึงหันมามองเรือเล็กลงเรื่อยๆ แถมเครื่องยนต์ก็เล็กลงมาด้วย ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะจุดเริ่มต้นของผมเอง เริ่มจากเรือขนาด 20 กว่าฟุต เริ่มจากไปเล่นกับเพื่อนๆ แล้วตอนหลังกลับมาเมืองไทยมาหัดเล่นเรือ 11 ฟุต อยู่พักใหญ่ๆ เรียกว่าเล่นจนรู้นิสัยของเรือ แล้วก็พาไปเล่นเกือบจะทุกลำน้ำ เล่นในทะเลสาป แม่น้ำ ลำคลอง ยันขับเรือ 11 ฟุต ออกไปปากอ่าวเกือบจะออกทะเล จากที่ทุกคนเคยบอกว่าเรือมันเล็กไม่ควรออกไปไกลขนาดนั้นเดี๋ยวจะกลายเป็นหมายเรือจม
แต่หลังจากที่เล่นจนรู้นิสัยของเรือ รู้ใจเรือของเราแล้ว ผมบอกได้เลยว่าเรือเล็กๆก็ออกไปเที่ยวได้ แต่ก่อนที่จะทำเราควรที่จะรู้ว่าเรือของเราทำอะไรได้แค่ไหน ห้ามฝืนเด็ดขาด ถ้าเราเห็นว่าสถานะการณ์ไม่ดี หรือ คลื่นลมมันแรงเกินที่เรือของเราจะรับไหว ก็ควรหันหัวเรือกลับไม่ควรที่จะฝืน ถ้าทำแบบนั้นได้ ผมบอกได้เลยว่าเรือเล็กๆก็สนุกได้ ตัวผมเองตอนขับเรือ 11 ฟุตเล่นที่แม่น้ำเจ้าพระยา แล้วเจอเรือ Grand Pearl วิ่งสวนมา พอแหงนมองขึ้นไปบนเรือ Grand Pearl เหมือนตึก 7 ชั้นเลย แต่ที่น่ากลัวหลังจากเรือวิ่งผ่านเราไป คือ คลื่นท้ายเรือของเค้าใหญ่มากๆ ใหญ่กว่าคลื่นเรือด่วนหลายเท่า ทุกคนที่เห็นคิดว่างานนี้ไม่รอดแน่นอน แต่ปรากฎว่าตัวผมเองรอดมาไม่มีน้ำกระเด็นเข้าเรือแม้แต่น้อย แต่ลำที่ตามหลังมาต่างวิดน้ำกันหมด
ถ้าถามว่าผมทำยังไงถึงรอดมาได้ จริงๆต้องบอกว่าผมเองไม่ได้เก่งอะไรกว่าคนอื่นเลย แต่วันนั้นที่รอดมาได้ เพราะนึกอยู่ในใจอย่างเดียวว่ายังไงเราก็ต้องรอด แล้วก็โฟกัสไปที่คลื่นที่อยู่ข้างหน้า กับ สภาพแม่น้ำ แล้วตัดสินใจวิ่งแทยงมุม 45 องศา ตัดเข้าที่คลื่นท้ายเรือ เพื่อที่จะกระโดดไปตรงร่องตรงกลางของคลื่นเรือ ที่จะไม่มีคลื่น เพราะคลื่นแหวกตัวออกไป 2 ข้าง แล้วก็วิ่งตรงกลางไปสักพักจนคลื่นเริ่มเล็กลงแล้วก็วิ่งตัวออกไปด้านข้างอีกที แต่การจะทำแบบนี้ต้องใช้ทักษะพอสมควร เริ่มจากการที่เราต้องควบคุมความเร็วของเรือเรา ห้ามเร่งสุดเด็ดขาด แต่ต้องควบคุมให้เกือบๆจะเพลน เพราะเราต้องเหลือคันเร่งถ้าเกิดเหตุที่เราจะเร่ง พอจังหว่ะที่กระโดดต้องผ่อนเล็กๆ และ เมื่อท้องเรือเริ่มแตะน้ำนิดๆต้องเร่งเครื่องเพื่อไม่ให้เรือหยุด หรือ โดนคลื่นท้ายเรือดูด พอเข้าสู่ระยะที่คิดว่าปลอดภัยค่อยผ่อนลงอีกที ที่เล่าเรื่องนี้ให้ฟังอีกรอบ เพราะช่วงนี้กำลังกลับมาอินกลับเรือเล็กๆ กำลังว่าจะต่อเรือเล็กๆขึ้นมาไว้ใช้อีกสักลำ ประมาณว่าสูงสุดสู่สามัญตามหัวข้อเรื่องประมาณนั้นเลย ถ้ามีโอกาสคงได้พบกันในสายน้ำนะครับ