ผมได้ยินคำถามเกี่ยวกับการเลือกซื้อเรือมาเรียกได้ว่านับครั้งไม่ถ้วน ส่วนใหญ่มักจะถามว่าถ้าเค้าอยากจะเล่นเรือควรจะต้องซื้อเรืออะไร แล้วจะต้องเลือกดูยังไง คำถามสองคำถามนี้ผมเชื่อว่าคนที่เล่นเรือมานานๆ ต้องเคยเจอกันมาบ้างไม่มากก็น้อย แต่ส่วนใหญ่แล้วพอถึงเวลาที่จะซื้อจริงๆ มักจะไม่ค่อยได้เรือแบบที่อยากได้ตั้งแต่แรก เพราะพอไปเจอหลายๆลำเข้า เริ่มจะมีการรักพี่เสียดายน้องขึ้นมาแทนที่ ลำนี้ก็ดี ลำนั้นก็ใช่ และ ผลสุดท้ายก็ได้เรือตามคำแนะนำของคนขายแทน
ก่อนที่เลยเถิดไปไกล กลับมาเรื่องเลือกซื้อเรือกันต่อดีกว่า สำหรับผมเวลาที่มีคนมาถามว่าจะเลือกซื้อเรือแบบใหนดี ผมมักจะถามเค้ากลับไปก่อนว่า เค้าอยากได้เรือเพื่ออะไร ชอบไปเที่ยวแบบใหน ตกปลา หรือ ว่าขับเรือเล่นเฉยๆ แล้วเวลาไป ไปกันกี่คน ไปคนเดียว หรือ ไปทั้งครอบครัว และ มีเด็กลงเรือด้วยรึเปล่า ที่ผมต้องถามกลับไปเยอะขนาดนั้นเพราะการเลือกซื้อเรือแต่ล่ะลำนั้น ไม่ใช่แค่มีเงินแล้วถือเงินไปซื้อแล้วจบ เพราะนั่นเป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้น คนเล่นเรือสมัยก่อนมักจะพูดกันว่า คนที่เล่นเรือจะดีใจอยู่ 2 วัน คือ วันที่ได้เรือ และ วันที่ขายเรือได้ แต่ส่วนตัวของผมๆว่ามันไม่จริงเสมอไป ถ้าเราเลือกเรือแบบที่เราอยากได้ และ ตอบโจทย์ของเราได้มากเท่าไหร่ เราจะรู้สึกดีกับเค้า และ จะมีความสุขกับเค้าไปตลอด แต่ถ้าเรือที่เราเลือกไม่สามารถที่จะตอบโจทย์ของเราได้สักเท่าไหร่ ผลที่ตามมาก็คือ ใจเราก็ยังเรียกร้องอยากจะได้สิ่งที่เราอยากได้อยู่ดี และ เป็นที่มาของการขายเรือ เพื่อที่จะซื้อเรือใหม่ แต่ถ้ายังไม่ยอมตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราอยากจะได้อะไร วัฎจักรมันก็จะหมุมเวียนเป็นอยู่อย่างนี้เรื่อยไปไม่มีวันจบสิ้น
การเล่นเรือไม่ใช่เรื่องลองผิดลองถูก ถ้าเราศึกษาเค้ามากพอ คำว่าลองผิดแทบจะไม่เกิดขึ้นเลยครับ เรือมีหลากหลายประเภท และ แต่ล่ะประเภทก็มีข้อดี และ ข้อเสียที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น เรือบางลำอาจจะวิ่งสู้คลื่นได้ดี แต่ก็มีปัญหาเวลาที่จอด เรือบางลำสามารถที่จะทำความเร็วได้สูง จอดก็ไม่โคลง แต่สู้คลื่นได้ไม่ดีเท่าไหร่ เป็นต้น ดังนั้นก่อนที่เราจะเลือกซื้อเรือ เราควรจะต้องตอบคำถามที่ผมพูดมาในข้างต้นให้ได้ซะก่อน ว่าเราอยากจะได้เรือเพื่ออะไร ชอบไปเที่ยวแบบใหน และ ไปกันกี่คน เพื่อที่จะเลือกเรือได้ถูกประเภทกับความต้องการของเรา แต่สำหรับตัวผมเอง ผมอยากจะให้คนที่คิดอยากจะเล่นเรือจริงๆ ได้ลองไปนั่งเรือเที่ยวกับคนที่เค้ามีเรือจริงๆกันซะก่อน ได้เรียนรู้ว่าการที่เราจะมีเรือสักลำเราจะต้องทำอะไรบ้าง ต้องเรียนรู้ว่าเค้าเอาเรือขึ้นเอาเรือลงกันยังไง ต้องลากเทรลเลอร์กันยังไง และ ต้องดูแลรักษาเครื่องยนต์อย่างไร หลายๆคนอาจจะบอกว่าซื้อมาแล้วค่อยเรียนรู้เอาก็ได้ แต่สำหรับผมๆว่าแบบนั้นมันอันตรายเกินไปหน่อยครับ ถ้าเรามีโอกาสได้เรียนรู้สักนิดจะทำให้ปลอดภัยขึ้นเยอะเลยครับ
สำหรับตัวผมเอง กฎข้อแรกของการเล่นเรือของผมคือคำว่า “กลัว” ครับ ถึงแม้ว่าผมจะเล่นเรือมานาน และ เจอเหตุการณ์ต่างๆนาๆมานับไม่ถ้วน ผมยังคงพูดได้เต็มปากเลยว่าผมเองก็ยัง “กลัว” อยู่เหมือนเดิม เพราะการที่เรากลัวจะทำให้เราระวังกับสิ่งต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดมาก่อน และ จะทำให้เราไม่ประมาท
พูดถึงประเภทของเรือ ผมคงไม่สามารถที่จะพูดได้หมดในทีเดียวเพราะมีเรือหลายประเภทมากๆ และ ถ้าจะให้บอกว่าเรือของอู่ใหน โมลด์ใหนน่าเล่น น่าสนใจ ผมคงไม่สามารถที่จะตอบคำถามนี้ได้ เพราะเป็นเรื่องของความถึงพอใจส่วนตัว ดังนั้นผมขอพูดถึงลักษณะของเรือที่เราเห็นกันอยู่ทั่วๆไปเผื่อจะเป็นประโยชน์ในการช่วยตัดสินใจแล้วกันนะครับ
เรือท้อง V
เรือที่เราเห็นกันอยู่ทั่วๆไปส่วนใหญ่จะเป็นเรือท้อง V คือท้องมีรูปทรงเป็นตัว V แต่เรือท้อง V ก็ยังมีแยกประเภทเอีกว่าเป็นเรือท้อง V ลึก (Deep V) และ V ตื้น (shallow V) เรือที่เป็นท้อง V ลึกนั้นสามารถที่จะวิ่งสู้คลื่นได้ดีกว่าเรือทุกประเภท ด้วยความที่ท้องเรือเป็นเหมือนคมมีด สามารถที่จะวิ่งผ่านคลื่นได้ดี แต่มีข้อเสียก็คือเวลาที่จอดมักจะโคลงกว่าเรือประเภทอื่นๆ
เรือท้องV ตื้น ท้องเรือประเภทนี้จะเป็น V เหมือนกัน แต่จะสั้นกว่าตัว Deep V และ มีเหมือนปีกรับกับผิวน้ำเรือประเภทนี้สามารถที่จะวิ่งสู้คลื่นได้ดี แต่ไม่ดีเท่ากับเรือ Deep V แต่จะได้เปรียบเมื่อเราจอด และ สามารถที่วิ่งในน้ำตื้นได้ดีกว่า
เรือท้องแบน (Flat Bottom)
เรือประเภทนี้เป็นเรือที่เค้านิยมที่จะใช้เล่นในทะเลสาปที่ไม่ค่อยมีคลื่นลมสักเท่าไหร่ ด้วยความที่ท้องเป็นท้องแบนจึงทำให้เรือประเภทนี้วิ่งสู้คลื่นได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ข้อดีของเค้าก็คือสามารถที่จะวิ่งได้ในน้ำตื้น และ สามารถที่จะรองรับน้ำหนักบรรทุกได้ดี และ ไม่โคลงเวลาที่จอด ในปัจจุบันมีผู้ผลิตเรือหลายบริษัทที่เอาข้อดีของเรือท้องแบนคือความเสถียร และ ความสามารถที่จะวิ่งในที่น้ำตื้นมาพัฒนาปรับปรุงทำให้ทุกวันนี้มีเรือท้องแบนที่สามารถทำความเร็วสูงได้ดีออกมาให้เห็นอยู่ไม่น้อยเลยครับ
เรือท้องมล (Round Bottom)
ท้องเรือประเภทนี้จะอยู่ใต้น้ำมากกว่าท้องเรือประเภทอื่นจึงทำให้ต้านน้ำมากกว่าท้องเรือประเภทอื่นๆ แต่ด้วยความที่ท้องเรือเป็นทรงมล จึงทำให้เรือประเภทนี้สามารถที่จะเคลื่นที่ได้ด้วยเครื่องยนต์ที่เล็กกว่าเรือประเภทอื่นๆเช่นกัน ข้อดีของเรือเรือประเภทนี้ก็คือความเสถียร ยิ่งถ้าท้องเรือกว้างมากเท่าไหร่ความเสถียรก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่ข้อเสียก็คือไม่สามารถที่จะทำความเร็วได้ดี จึงเหมาะกับเรือที่เคลื่อนที่ช้าๆ แบบเรือ Cruise, เรือแคนนู หรือ เรือใบ
เรือท้องปีกกา (Cathedral Hull)
เรือประเภทนี้จะเป็นเรือที่มี V ถึง 3 V จึงทำให้เรือประเภทนี้เสถียรมากๆ และ ระหว่างร่อง V จะมีเหมือนโพรงที่อากาศสามารถที่จะวิ่งผ่านได้ และ ช่วยยกท้องเรือให้สูงขึ้นเวลาที่วิ่งทำให้สามารถที่จะทำความเร็วได้ดี แต่วิ่งในทะเลได้ไม่ดีเท่าที่ควร จึงทำให้เรือประเภทนี้เป็นเรือที่วิ่งในน้ำจืดซะเป็นส่วนใหญ่ และ ด้วยความที่ท้องเรือประเภทนี้มีความซับซ้อนในการสร้างจึงทำให้มีต้นทุนสูง และ ราคาของเรือประเภทนี้ก็สูงขึ้นตามเช่นกัน
เรือหลายท้อง (Multi Hulls)
เรือประเภทนี้เป็นเรือที่มีท้องเรือแยกออกจากกัน บางลำอาจจะมีแยกออกเป็น 2 ท้องเรียกว่า Catamaran หรือ บางลำอาจจะมีแยกออกเป็น 3 ท้อง (Trimaran) เรือที่มีหลายท้องนั้นจะมีความเสถียรสูงมากๆ ถ้าเทียบกับเรือประเภทอื่นๆ และ มีน้ำหนักเบากว่า จึงทำให้เรือประเภทนี้สามารถที่จะทำความเร็วสูงได้ดี และ ประหยัดพลังงานมากกว่าเรือประเภทอื่นๆ แต่ก็มีข้อเสียก็คือเวลาที่จะบังคับเลี้ยวจะต้องใช้พื้นที่ในการเลี้ยวมากกว่า ทำให้เลี้ยวยากกว่าเรือประเภทอื่นๆ แต่ด้วยความเสถียร และ ความสามารถในการเคลื่นที่ได้เร็วโดยใช้พลังงานน้อยของท้องเรือประเภทนี้ทำให้ในปัจจุบันหลายบริษัทต่อเรือหลายๆบริษัทเริ่มที่จะเอาท้องเรือประเภทนี้ไปพัฒนาทำให้สามารถบังคับเลี้ยวได้ดีขึ้น และ ผลิตเป็นเรือรุ่นใหม่ๆออกมาให้เห็นอยู่ไม่น้อยเลยครับ
แพลอยน้ำ (Pontoon)
Pontoon ถ้าเราจะพูดไปก็ไม่ต่างอะไรจากแพลอยน้ำที่เราเห็นๆอยู่ในบ้านเราสักเท่าไหร่ ในสมัยก่อนเรือประเภทนี้เค้าจะทำเป็นท่อกลม 2 ท่อ เท่ากับเรือลำนี้มีท้อง 2 ท้องเหมือน Catamaran จึงทำให้เรือประเภทนี้มีความเสถียรมากๆ ส่วนด้านบนเค้าจะวางแผ่นพื้นเหมือนกับแพ จึงทำให้มีพื้นที่ใช้สอยบนเรือมาก และ สามารถที่จะรองรับน้ำหนักได้ดี ทำให้สามารถที่ตกแต่งให้เป็นเหมือนห้องรับแขกเคลื่อนที่ และ ไปได้ทีล่ะหลายๆคน แต่มีข้อเสียก็คือ ไม่สามารถที่จะทำความเร็วได้ และ เวลาเลี้ยวก็เลี้ยวยากเหมือนกับเรือ Catamaran แต่ในปัจจุบันเค้าออกแบบ Pontoon ให้สามารถที่จะทำความเร็วได้ดีมากๆ และ สามารถที่จะเลี้ยวได้ไม่ต่างจากเรือประเภทอื่นๆเลยครับ
Bassboat
เรือ Bassboat จากชื่อก็คงพอจะบอกได้แล้วว่าเป็นเรือสำหรับตกปลา Bass เรือประเภทนี้จัดว่าเป็นเรือ High Performance สามารถที่จะทำความเร็วได้สูง และ มีความเสถียรสูงเช่นกัน เราสามารถที่จะเดินสู้กับปลาได้แทบจะทุกส่วนของเรือโดยที่เรือไม่โคลง แต่ข้อเสียของเรือประเภทนี้ก็คือ ไปกันได้ไม่กี่คน และ ไม่สามารถที่จะสู้กับคลื่นได้ดีสักเท่าไหร่
ผมหวังว่าข้อมูลด้านบน น่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่คิดที่จะมีเรือสักลำเป็นของตัวเอง แต่โดยส่วนตัวของผม ผมเริ่มจากเล่นเรือ Bassboat กับเพื่อนๆที่เมืองนอก แต่พอได้มาลองเล่นเรือเล็กๆ แบบเรือ 11 ฟุต ที่เมืองไทยต้องบอกว่านี่แหระคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้เรื่องเรือของผมจริงๆ